You can replace this text by going to "Layout" and then "Page Elements" section. Edit " About "

time

Easy lerning

counter

Recent Posts

Do you like my blog?

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Popular Posts

RSS

Welcome to my blog

My name is Onnicha Temsang. I'm study English Faculty of Education, Nakhon Si Thammarat Rajabhat University. My e-mail address OPOR_CONAN14@hotmail.com.

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS
Read User's Comments0

เทคโนโลยีใหม่ๆ ในห้องเรียนระดับโลก


เทคโนโลยีใหม่ๆ ในห้องเรียนระดับโลก
(Innovative Educational Technology in the Global Classroom)
           โลกาภิวัตน์และนวัตกรรมเป็นสิ่งสำคัญของการศึกษาของครู ESOLและ ครู TESOL เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาการปฏิบัติทางการศึกษา ซึ่งกล่าวได้กล่าวว่า "เมื่อสร้างงานเทคโนโลยีแบบบูรณาการครูควรพิจารณาสิ่งที่พวกเขาต้องการให้นักเรียนที่จะเรียนรู้จากมันในแง่ของทั้งเทคโนโลยีและเนื้อหาทางวิชาการ." ซึ่งหมายถึงครูผู้สอนควรสร้างและปลูกฝังการเรียนรู้ของนักเรียนในห้องเรียนภาษาเพื่อที่จะทำให้พวกเขา ครูผู้สอนจำเป็นต้องรู้วิธีที่จะใช้เทคโนโลยีการเรียนการสอนในการสอนนักเรียน

·         การบูรณาการเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนการสอน
 การบูรณาการเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนการสอน ครูควรพิจารณาถึงสิ่งที่ต้องการให้เด็กเรียนรู้ ทั้ง ด้านเทคโนโลยีและเนื้อหาด้านวิชาการ และเป็นสิ่งสำคัญเพื่อทบทวน วัตถุประสงค์ ขั้นตอน และการประเมินผลงาน ทั้งสองประเภทของเทคโนโลยีการเรียนการสอน คือESOLและ ELL ซึ่งเป็นการสอนที่ผสมผสานการสื่อสารระหว่างกัน เช่น การสนทนาออนไลน์ และเทคโนโลยีแบบคงที่ เช่นpodcasting

·         กรณีศึกษาของผู้เรียนภาษา (The ELL Case study)
  ในการเรียนการสอนจะประกอบด้วย นักเรียนและครูสนทนากันเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆในชีวิตจริง เพื่อที่จะให้ครูได้ข้อมูลเกี่ยวข้องกับผู้เรียน ครูสามารถตรวจสอบภาษาศาสตร์ และความรู้เดิมทางวัฒนธรรม การออกแบบสถานการณ์จำลองการศึกษาที่เกี่ยวข้อง และการแก้ปัญหาทางภาษาที่แท้จริง การสร้างภาษาอังกฤษเป็นศูนย์กลางของแหล่งภาษาอื่น ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ เพื่อนร่วมงาน ครู และพ่อแม่ ซึ่งมีขั้นตอน ดังนี้
        1. เตรียมความพร้อมกรณีศึกษาโดยการเลือกผู้เข้าร่วมการเรียนภาษาอังกฤษและการทบทวนกรณีศึกษาผู้ที่เรียนภาษาอังกฤษ
       2. การเก็บรวบรวบข้อมูลจากกรณีศึกษาผู้ที่เรียนภาษาอังกฤษ
       3. การวิเคราะห์ข้อมูล
       4. การสร้างสถานการณ์ที่สามารถแก้ปัญหาได้

·         การเขียนบล็อก (Blogging)
        การเขียนข้อมูลเกี่ยวกับกรณีศึกษาซึ่งกลายเป็นบันทึกออนไลน์ของนักเรียน ซึ่งจะอัปโหลดลงเว็บบล็อก อาจเป็นข้อความภาพกราฟิกไฟล์ PDF, รูปภาพลิงค์เกี่ยวกับบล็อกต่างๆ
·         Podcasting
        หลังจากที่นักเรียนมีบล็อกแล้ว พวกเขาก็จะมาเรียนรู้เกี่ยวกับ Podcasting ได้แก่   การใช้อินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นโปรแกรมเสียงสำหรับการดาวน์โหลด สามารถเล่นเสียงด้วยคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องเล่นMP3
·         Creating a Wiki
 การสร้างแหล่งข้อมูล (Creating a Wiki) จะทำหลังมีบล็อก ซึ่งครูผู้สอนจะเป็นคนแนะนำวิธีการสอนและกิจกรรมที่ให้เพื่อนร่วมชั้นของพวกเขาผ่านทางวิกิพีเดียในกระดานดำ (http://www.blackboard.com)
·         Online Discussion
        สนทนาทางออนไลน์ (Online Discussion) จะสนทนาผ่านทางกระดานข้อความ
ข้อเสนอแนะในการนำเทคโนโลยีไปใช้   Implications
        ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อนักเรียนและครูเกิดการเรียนรู้ที่เหมือนกันคือ   ถ้าเป็นนักเรียนสิ่งที่พวกเขาต้องการเรียนรู้ (What they want to learn?)  เมื่อไหร่ที่พวกเขาต้องการที่จะเรียนรู้ (When they want to learn?)ที่ที่พวกเขาต้องการเรียนรู้  (Where they want to learn?)  ถ้าเป็นครู  สิ่งที่พวกเขาต้องการที่จะสอน  (What they want to teach?)   เมื่อพวกเขาต้องการที่จะสอน (When they want to teach?) ที่ที่พวกเขาต้องการที่จะสอน   (Where they want to teach?)       
·         เคล็ดลับสำหรับการบูรณาการเทคโนโลยีในห้องเรียน
                1.ต้องกล้าเสี่ยงกับเทคโนโลยีใหม่
                2.ต้องคุ้นเคยกับเทคโนโลยีก่อนที่จะแนะนำให้ผู้อื่น
                3.สร้างชุมชนการเรียนรู้ในเชิงบวก
                4. ค้นหาและใช้บทเรียนต่างๆและเว็บไซต์ที่เป็นประโยชน์

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS
Read User's Comments0

แบบฝึกหัด


 Directions: Find words or phrases standing for the following acronyms with
short descriptions.
1. IT คืออะไร
            IT (information technology) เป็นคำศัพท์ที่รวมรูปแบบทั้งหมดของเทคโนโลที่ใช้สร้าง เก็บ แลกเปลี่ยน และใช้สารสนเทศในรูปแบบหลากหลาย (ข้อมูลทางธุรกิจ สนทนาทางเสียง ภาพ ภาพเคลื่อนไหว การนำเสนอแบบมัลติมีเดีย และรูปแบบอื่นๆ) ศัพท์คำนี้เข้าใจอย่างง่ายหมายถึงเทคโนโลยีโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ในคำเดียวกัน สิ่งนี้เป็นเทคโนโลยีที่กำลังขับเคลื่อนสิ่งที่เรียกว่า การปฏิวัติสารสนเทศ
ICT มาจาก -Information สารสนเทศสารนิเทศในบางครั้งหมายถึงข้อมูล
-Communication การสื่อสาร
-Technology เทคโนโลยี
2.ICT หมายถึง เทคโนโลยีที่ช่วยในการรวบรวมข้อมูล ตรวจสอบ จัดหมวดหมู่ เรียงลำดับ สรุป คำนวณ จัดเก็บ ค้นคืน จัดทำสำเนา และแพร่กระจาย หรือสื่อสาร ข้อมูล ทำให้ข้อมูลกลายเป็นสารสนเทศที่ดี มีความถูกต้อง ตรงตามความต้องการ และเกิดคุณค่าต่อผู้ใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) หมายถึง เทคโนโลยีทั้งหลาย (โดยมีเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ การสื่อสาร และเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เป็นหลัก) ที่ทำหน้าที่ใน การจัดการข้อมูล ได้แก่ การนำข้อมูลเข้า การประมวลผลข้อมูล ให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ และเผยแพร่ต่อไปยังผู้บริโภค หรือผู้ใช้ ให้สามารถได้ใช้ผลผลิตนั้น อย่างถูกต้อง ตรงและทันกับความต้องการ เราสามารถใช้ติดต่อสื่อสารหาข้อมูล ความรู้ในการศึกษา กับสถาบันทั้งในและต่างประเทศได้ เพื่อหาความรู้และโลกทัศน์ใหม่ๆได้
3. CAI ย่อมาจากคำว่า Computer Assistedคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) หมายถึง สื่อการเรียนการสอนทางคอมพิวเตอร์รูปแบบหนึ่ง ซึ่งใช้ความสามารถของคอมพิวเตอร์ในการนำเสนอสื่อประสมอันได้แก่ ข้อความ ภาพนิ่ง กราฟิก แผนภูมิ กราฟ วิดีทัศน์ ภาพเคลื่อนไหว และเสียง เพื่อถ่ายทอดเนื้อหาบทเรียน หรือองค์ความรู้ในลักษณะที่ ใกล้เคียงกับการสอนจริงในห้องเรียนมากที่สุดโดยมีเป้าหมายที่สำคัญก็คือ สามารถดึงดูดความสนใจของผู้เรียน และกระตุ้นให้เกิดความต้องการที่ จะเรียนรู้ คอมพิวเตอร์ช่วยสอนเป็นตัวอย่างที่ดีของสื่อการศึกษาในลักษณะตัวต่อตัว ซึ่งผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จากการมีปฏิสัมพันธ์ หรือการโต้ตอบพร้อมทั้งการได้รับผลป้อนกลับ (FEEDBACK) นอกจากนี้ยังเป็นสื่อ ที่สามารถตอบสนองความแตกต่างระหว่างผู้เรียนได้เป็นอย่างดี รวมทั้งสามารถที่จะประเมิน และตรวจสอบความเข้าใจของผู้เรียนได้ตลอดเวลา
4. CALL คอมพิวเตอร์ช่วยการเรียนภาษา(Computer-Assisted Language Learning-CALL) เป็นชุดคำสั่งที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการเรียนการสอนภาษา มีลักษณะเหมือนกับโปรแกรมช่วยการสอนทั่วไป กล่าวคือ การสอนเนื้อหาหรือเนื้อเรื่อง มีการถาม การตอบ มีการแนะนำและอธิบาย แต่คอมพิวเตอร์ช่วยสอนเป็นคำที่มีความหมายกว้างกว่าโปรแกรมช่วยการเรียนภาษา เพราะคอมพิวเตอร์ช่วยสอนบอกให้ทราบว่าเป็นโปรแกรมช่วยการเสนอเท่านั้น ส่วนจะสอนวิชาใดบ้าง ก็แล้วแต่ผู้สร้างโปรแกรม แต่โปรแกรมช่วยการเรียนภาษา หมายถึงโปรแกรมช่วยการเรียนภาษาโดยเฉพาะ ใช้ได้ทั้งกับการเรียนในห้องเรียน โดยมีผู้สอนเป็นผู้ควบคุมดูแลกระบวนการเรียน และการให้ผู้เรียนเรียนจากโปรแกรมด้วยตนเองที่ศูนย์การเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-access Learning Center) หรือที่ศูนย์
5. WBI หรือ Web Base Instruction เป็นการจัดกิจกรรมการสอนในรูปแบบของ Web Knowledge Based โดยใช้เทคโนโลยีทางของ Webpage เป็นศูนย์กลางในการนำเสนอเนื้อหา หรือ ดำเนินกิจกรรม หรือที่เรานิยมเรียกกันติดปากว่า การเรียนการสอนแบบ Online” นั่นเอง
6. Computer-Based Instruction : CBI) คือ การใช้คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์หลักในการสอน
7. Computer Mediated Communication (CMC)คือ การสื่อสารปฏิสัมพันธ์แบบไม่ต่อเนื่องกันผ่านเครื่อข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งในบางครั้งอาจมีข้อความในด้านลบ การสื่อสารแบบ CMC อาจมากหรือน้อยเกินไปในบางครั้ง ที่ผ่านมาเครือข่ายคอมพิวเตอร์จะเหมาะแก่การส่งผ่านข้อมูลมากกว่าการใช้ เพื่อปฎิสัมพันธ์กัน เพราะประการแรก คือ ขาดการตอบกลับแบบพร้อมเพรียงกัน เนื่องจากภาพและเสียงหรือข้อความจริงๆ ถูกลดทอน ทำให้ไม่ครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมด ประการที่สอง คือ อาจทำให้เกิดการไม่เข้าใจกัน เพราะข้อความถูกตอบรับจากระบบอัตโนมัติ โดยปราศจากความยินยอมจากผู้รับหรือผู้สนทนาและไม่สามารถยกเลิกข้อความเหล่า นั้นได้ 
    (http://jcmc.indiana.edu/vol4/issue4/herring.html#ABSTRACT)   
8. TELL = Technology-Enhanced Language-Learning (TELL) in an increasingly globalised world. It is not a technical paper in thesense that it will deal with methodological or software issues. 
  Referent
9. MUD เป็นคำย่อมาจาก Multi User Domains หรือชื่ออื่น ๆ ที่เรียกกันก็มี Multi User Dimension , Muti User Dungeons) http://senarak.tripod.com/mudmoo.html

10. MOO -- "Multiuser domain Object Orientedงเป็นระบบของการสื่อสารที่เป็น แบบซิงโครนัสที่ผู้ใช้(users)
สามารถปฎิสัมพันธ์กันได้ด้วยการพิมพ์ข้อความ(text) โดยผู้สื่อสารกันนั้นสามารถ เลือกห้องหรือสถานที่สนทนากันได้
ซึ่งผู้สนทนาจะต้องอยู่ในสถานที่ที่เรียกว่า room เดียวกัน

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS
Read User's Comments0

Work


บทนำ

         ศตวรรษที่ 21 เป็นยุคโลกาภิวัตน์วิทยาศาสตร์มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ซึ่งจำเป็น ต้องเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ การพัฒนาของเทคโนโลยีมัลติมีเดียและการประยุกต์กับการเรียนการสอนรูปแบบการ สอนแบบดั้งเดิมไม่เหมาะสำหรับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษร่วมสมัยและเทคโนโลยีมัลติมีเดียจึง มีเสียง ภาพ ภาพเคลื่อนไหวมาเต็มรูปแบบในการเรียนการสอนชั้นเรียนภาษาอังกฤษ และชุดแพลตฟอร์มที่ดีสำหรับการปฏิรูปและการสำรวจเกี่ยวกับรูปแบบการสอนภาษา อังกฤษในยุคใหม่ เทคโนโลยีมัลติมีเดียจึงมีบทบาทในเชิงบวกในการส่งเสริมกิจกรรมและความคิดริเริ่มของนักเรียนและผลของการเรียนการสอนในชั้นเรียนภาษาอังกฤษช่วยกระตุ้นให้ นักเรียนเกิดการเรียนรู้มากขึ้น

ความจำเป็นของการใช้เทคโนโลยีมัลติมีเดียเพื่อการสอนภาษาอังกฤษ
          A. การปลูกฝังความสนใจของนักเรียนในการเรียน
            ปัจจุบันนี้วิธีการสอนที่ตายตัวแบบดั้งเดิมและสภาพแวดล้อมที่เป็นที่นิยม  ในขณะที่เทคโนโลยีมัลติมีเดียที่มีระบบเสียงภาพ,ภาพเคลื่อนไหวตามธรรมชาติช่วยกระตุ้นความสนใจของนักเรียนทำให้ได้รับข่าวสารที่มากขึ้นและสืบค้นข้อมูลได้เป็นอย่างดี ทำให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอน
          B. ส่งเสริมความสามารถการสื่อสารของนักเรียน
 การเรียนการสอนแบบดั้งเดิมทำให้นักเรียนเข้าใจภาษาเทคโนโลยีมัลติมีเดียได้ช่วยส่งเสริมความต้องการของผู้เรียน บูรณาการการเรียนการสอนและให้นักเรียนจูงใจมากขึ้น. บทเรียน PPTในการสอนภาษาอังกฤษของมหาวิทยาลัยสามารถเปิดใช้งานการคิดของนักเรียน
         C. เพื่อขยายความรู้ของของนักเรียนเพื่อให้เข้าใจลึกซึ้งถึงวัฒนธรรมตะวันตก
บทเรียนแผ่นดิสก์มัลติมีเดียสามารถนำเสนอข้อมูลของนักเรียนได้มากมาย มี การครอบคลุมภาษาอังกฤษมัลติมีเดียกว้างไกลกว่าตำราด้วยเนื้อหาและวัสดุภาษา มีชีวิตจริงซึ่งมีมากตามธรรมชาติและใกล้กับชีวิต ผู้เรียนสามารถพัฒนาความสามารถในการฟังของพวกเขา แต่ยังได้เรียนรู้วัฒนธรรมตะวันตก การรู้ข้อมูลผ่านช่องทางต่างๆสามารถจัดให้นักเรียนมีความรู้และนำมาเกี่ยว กับข้อมูลร่วมกันในหมู่นักศึกษาและทำให้พวกเขามีส่วนร่วมในการอภิปรายในชั้น เรียนและการสื่อสาร บูรณาการของมนุษย์และเครื่องจักรการสื่อสารและการสื่อสารระหว่างบุคคลนำไป สู่การพัฒนาโดยรวมของการฟัง พูด อ่าน และการเขียนของนักเรียน

        D. การปรับปรุงผลการเรียนการสอน
เสริมสร้างการเรียนการสอนมัลติมีเดียการเรียนการสอนเนื้อหาและรูปแบบการแบ่ง "ครูเป็นศูนย์กลาง"รูปแบบการสอนแบบดั้งเดิมส่วนใหญ่เน้นการเรียนการสอนเกี่ยวกับครูและให้ ข้อมูลที่ถูก จำกัด ที่ตรงกันข้ามเทคโนโลยีมัลติมีเดียไปเกินเวลาและพื้นที่ สภาพแวดล้อมที่แท้จริงสำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษจะช่วยกระตุ้นความคิดริเริ่มของนักเรียนและประหยัดเวลาในชั้นเรียน
III การวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้เทคโนโลยีมัลติมีเดียเพื่อการสอนภาษาอังกฤษ
A.ความหมายหลักแทนที่ด้วยการช่วยเหลือแบบหนึ่ง
ในทางปฏิบัติของครูมีการใช้งานในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมัลติมีเดียเพื่อ ให้พวกเขามีส่วนร่วมมากในการค้นหาข้อมูลและการทำงานออกบทเรียนในชั้นเรียนที่พวกเขาใช้คอมพิวเตอร์นักเรียนจะสนใจบนหน้าจอของพวกเขาเท่านั้น
B. จะสูญเสียการสื่อสารโดยการพูด
การใช้สื่อมัลติมีเดียมากเกินไปทำให้ขาดปฏิสัมพันธ์ในชั้นเรียนและส่งผลให้การขาดการสื่อสารระหว่างครูและนักเรียนเสียงของครูจะถูกแทนที่ด้วยเสียงของคอมพิวเตอร์

       C. ทำให้วามสามารถในการคิดลดลง
ถึงแม้ว่า มัลติมีเดียจะมีบทบาทที่ดีในการเรียนการสอน แต่จุดประสงค์สำคัญของการเรียนการสอนเน้นให้ผู้เรียนได้คิด ซึ่งคอมพิวเตอร์ ซอฟแวร์ต่างๆไม่สามารถที่จะแทนที่กระบวนการคิดของผู้เรียนได้
       D. คิดนามธรรมจะถูกแทนที่ด้วยความคิด Imaginal
       มัลติมีเดียเป็นเครื่องมือที่ให้ความช่วยเหลือไม่สามารถแทนที่บทบาทที่โดด เด่นของครูผู้สอนและเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนการสอนที่สมบูรณ์       ประสบการณ์ในการสนับสนุนโครงการการเรียนการสอนโปรแกรมอัตโนมัติและต่อเนื่องเพื่อเพิ่มการปรับปรุงโดยรวมของนักเรียนในการฟัง พูด อ่าน และการเขียน
IV ข้อเสนอแนะและกลยุทธ์ในการปัญหาที่มีอยู่
       A.  บทเรียน ไม่ทำแต่สิ่งที่สวยงามอย่างเดียว
     บทเรียนไม่ทำแต่สิ่งที่สวยงามอย่างเดียว  เราต้องมีการกระตุ้นให้เกิดมีการสื่อสารระหว่างครูกับนักเรียนและพัฒนาทักษะการฟัง พูด ซึ่งคอมพิวเตอร์ไม่สามารถเติมเต็มตรงนั้นได้นอกจากนี้มัลติมีเดียใช้ได้แต่ใช้เป็นตัวช่วยครูให้มีประสิทธิภาพในการสอนมากยิ่งขึ้น เพราะถ้าไม่นั้นครูก็เป็นเพียงแค่คนกำกับเท่านั้น

        B. หน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทดแทนกระดานดำ
หน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทดแทนกระดานดำ เพราะกระดานเราสามารถแก้ไขเพิ่มเติมตลอดเวลาได้  ซึ่งการเรียนการสอนเด็กต้องมีคำถามที่ไม่คาดคิดอยู่ตลอดเวลา  ถ้าใช้กระดานดำครูสามารถเขียนอธิบายแก้ไขเพิ่มเติมได้เพราะฉะนั้นอย่าใช้แต่จอคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว
        C. PowerPoint ไม่สามารถใช้ในการแยกความคิดและปฏิบัติได้
     
ปัจจุบัน มัลติมีเดียมากที่สุดส่วนใหญ่มีบทเรียนเกี่ยวกับภาพและภาพเคลื่อนไหวจากสื่อ การสอนก่อให้เกิดผลกระทบให้นักเรียนไม่ได้เกิดการคิด อภิปราย   บทเรียนต้องทันสมัยใช้แต่ PPT การตั้งคำถามของครูในการเข้าสู่บทเรียนยังจำเป็นและยังกร ตุ้นนักเรียนด้วย
        D. เครื่องมือการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมและอุปกรณ์ไม่ควรมองข้าม
มัลติ มีเดียให้ความช่วยเหลือในการเรียนการสอนไม่สามารถแทนที่ด้วยเครื่องมืออื่นๆได้ครูควรจะเลือกสื่อที่เหมาะสมตามความต้องการของการสอนและบูรณาการที่ ใช้ในการมัลติมีเดียที่มีประเพณีอย่างหนึ่งอย่างเต็มที่และดำเนินการทำบุญ ของพวกเขามากกว่าเพียงในการแสวงหาวิธีการที่ทันสมัย 
E. เทคโนโลยีมัลติมีเดียไม่ควรมีมากเกินไป
ไม่ควรใช้สื่อมัลติมีเดียมากเกินไปเพราะถ้าใช้มากเกินเพราะถ้าใช้มากเกินไปจะทำให้เด็กเหมือนจะสนใจแต่ที่จริงแล้วเด็กนั่งดูเฉยๆ และเด็กก็ไม่ได้เกิดการเรียนรู้
       
สรุป  สื่อมัลติมีเดียนั้นใช้ได้เหมือนกันแต่ต้องใช้เป็นตัวช่วยของครูทำให้เด็กพัฒนาแต่ครูก็ยังมีบทบาทสำคัญ.

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS
Read User's Comments0